บทที่ 8 8
8
“สเตฟี่ไปถามแผนกแม่บ้านสิว่า วันนี้ใครเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้”
คาลิเอโปมั่นใจวางแหวนเพชรพร้อมกับสร้อยที่เขาทำขาดไว้ที่ขอบอ่างล้างหน้า ตั้งใจว่าอาบน้ำเสร็จจะหยิบมันออกไปด้วย บังเอิญเหลือเกินจังหวะที่เขาจะ หยิบสร้อยที่ขาดเส้นนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเสียก่อน เขาจำเป็นต้องเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้ๆ แหวน พร้อมทั้งเดินออกไปจากห้องน้ำเพื่อสนทนากับต้นสาย คาลิเอโปจึงลืมเรื่องแหวนเสียสนิท เป็นเพราะความเคยชินนึกว่าตนเองสวมสร้อยเส้นนั้นอยู่จึงแต่งตัวและเดินทางไปประชุมทันที มานึกออกอีกครั้งว่าตนเองไม่ได้สวมสร้อยก็ประมาณบ่ายๆ แม้อีกใจอยากให้สเตฟี่มาเอา แหวนให้ แต่อีกใจร้องค้านว่าคงไม่หายไปไหน หากแหวนของเขาหายไปจริงๆ คนที่น่าสงสัยมากที่สุดคือพนักงานทำความสะอาด เพราะเป็นคนเดียวที่เข้าออกห้องนี้ได้ระหว่างที่เขาไม่อยู่
“ครับเจ้านาย” สเตฟี่รีบเดินออกไปจากห้องพักของเจ้านายหนุ่มทันที คิดในใจ หากแหวนสุดรักสุดหวงของคาลิเอโปถูกขโมยไปจริงๆ คนที่ขโมยไปนั้นเห็นทีต้องชะตาขาดเป็นแน่ สเตฟี่หายไปประมาณยี่สิบนาที เขาเดินทางกลับมาที่ห้องพักพร้อมกับหัวหน้าแผนกแม่บ้านคนหนึ่ง
“ว่าไงใครเป็นคนเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้” คาลิเอโปเอ่ยถามหัวหน้าแผนกแม่บ้านทันที น้ำเสียงที่ถามออกไปนั้นดุกร้าวเช่นเดียวกับดวงตา
“ภมรค่ะ คนที่เข้ามาทำความสะอาดห้องของคุณคาร์ลชื่อภมรค่ะ” ชนาพรหัวหน้าแผนกกะบ่ายเป็นคนตอบ
“แล้วตอนนี้คนที่ชื่อภมรอยู่ที่ไหน”
“กลับบ้านไปแล้วค่ะ เอ่อ...คุณคาร์ลหาแหวนดีแล้วหรือคะ”
ชนาพรกลั้นใจถาม เธอทราบรายละเอียดจากสเตฟี่มาบ้างว่าแหวนเพชรของชายหนุ่มเจ้าของห้องได้หายไป ไม่มีใครเข้าออกห้องนี้นอกจากพนักงานทำความสะอาด คนที่น่าสงสัยเป็นคนแรกคงหนีไม่พ้นพนักงานที่ชื่อภมร คนถูกถามตวัดสายตามองชนาพรด้วยความไม่พอใจ คนที่ถูกมองรีบหลบสายตานั้นทันที
“ฉันหาจนแทบจะพลิกห้องแล้วแต่ก็ไม่เจอ ก็เลยต้องเรียกคุณมาถามนี่แหละ ว่าแต่ว่าบ้านของคนที่ชื่อภมรอยู่ที่ไหน ฉันจะไปถามเขาเองว่าเห็นแหวนของฉันหรือเปล่า” ท่าทางที่เอาจริง น้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความโกรธและไม่พอใจทำให้ชนาพรถึงกับหน้าซีด มือไม้สั่นไปหมด
“ดิฉันจะไปตามเพื่อนสนิทของภมรมาถามดูนะคะ รอสักครู่นะคะ” ชนาพรรีบเดินออกไปจากห้องพักของคาลิเอโปทันที ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในอีกสิบนาทีต่อมา
“วิกรมค่ะ เป็นเพื่อนสนิทของภมร” ชนาพรแนะนำวิกรมให้คาลิเอโปได้รู้จัก แต่สำหรับเขานั้นหาได้อยากรู้จักไม่ สิ่งที่เขาต้องการรู้มีเพียงว่าบ้านของภมรอยู่ที่ไหนเท่านั้น
“บ้านของภมรอยู่ที่ไหน” เจ้าของหัองพักเอ่ยถามเสียงเครียด
“บ้านของต้อมอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ครับ แต่ผมคิดว่าตอนนี้ต้อมยังไม่กลับบ้าน เพราะต้อมจะไปที่ที่หนึ่งทุกวันกว่าจะกลับบ้านก็เที่ยงคืนหรือไม่ก็ตีหนึ่ง ครับ” วิกรมตอบคำถาม
“แล้วที่ที่นายว่า นายรู้จักหรือเปล่า”
“รู้จักครับ” ทำไมเขาจะไม่รู้จักเพราะมีอยู่ช่วงหนึ่ง วิกรมหลงเดินทางผิดคิดอยากจะลองเสพยานรกนั่นตามคำชักชวนของภมร ดีที่ว่าเขารู้ผิดชอบชั่วดีมีมากกว่า ทำให้เขาออกจากวังวนนั้นก่อนที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้ และเริ่มตีตัวออกห่างภมรโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
“ถ้าอย่างนั้นนายพาฉันไปหาภมรได้ไหม ฉันอยากถามภมรเองว่าเห็นแหวนของฉันหรือเปล่า”
“ได้ครับ” ทั้งหมดออกเดินทางไปหาผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่งทันที ระหว่างทางที่รถเคลื่อนตัวไปยังจุดหมายคาลิเอโปครุ่นคิดไปตลอดทาง หากแหวนของเขาอยู่ที่ภมรจริงๆ เขาจะตอบแทนให้สาสมที่ริอ่านขโมยของรักของหวงของเขา มันผู้นั้นต้องไม่ตายดีแน่นอน
คนที่กำลังจะชะตาขาดบัดนี้กำลังตั้งวงสุราดื่มฉลองความสำเร็จของ ตัวเองอยู่ที่ห้องพักของมานะ แหล่งมั่วสุมที่เขาและเพื่อนๆ จะต้องมาใช้บริการทุกวัน
“เอ้า...ฉลองกันหน่อยโว้ย ฉลองความสำเร็จที่กูสามารถหาเงินมาใช้เสี่ยเหลิมได้ แถมยังมีเหลือให้เราถลุงอีกเป็นแสน ไม่คิดเลยว่าแหวนวงเล็กๆ วงนั้น กูเอาไปจำนำจะได้เงินสามสี่แสนขนาดนี้ วันนี้เต็มที่โว้ย ไม่เมาไม่เลิก” ภมรพูดออกมากลางวงสุราด้วยความปลาบปลื้มใจกับการทำเลวในครั้งนี้ของตนเอง เพื่อนๆ ทั้งหลายต่างเฮลั่น ยกแก้วสุราขึ้นสูงชนกับแก้วสุราของเพื่อนๆ จนเกิดเสียงของแก้วกระทบกัน ทุกคนกำลังมีความสุขโดยไม่รู้ว่าอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีความทุกข์กำลังจะมาเยือน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง หากแต่คนที่อยู่ด้านในที่กำลังมัวเมากับสุราและยานรกจนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูที่เริ่มดังถี่รัวมากขึ้น คนที่เคาะประตูเริ่มหงุดหงิดและทนรอต่อไปไม่ไหว ถอยห่างประตูมาสองก้าวก่อนจะใช้ฝ่าเท้าถีบไปที่ประตูไม้สามครั้งซ้อน ได้ผลประตูไม้กลางเก่ากลางใหม่เปิดออกกว้าง คนที่อยู่ในห้องหันมามองบานประตูที่เปิดออก พร้อมกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องอีกเจ็ดคน หนึ่งในจำนวนนั้นคือวิกรมเพื่อนของภมรเอง
